"โรคพังผืดฝ่าเท้าอักเสบ" (Plantar fasciitis)
โรคพังผืดฝ่าเท้าอักเสบ (Plantar fasciitis) หรือบางคนอาจเรียกว่า "โรครองช้ำ" โดยจะมีอาการปวดและมีจุดกดเจ็บบริเวณส้นเท้า จะมีอาการมากขึ้นเมื่อยืนหรือเดิน หากสังเกตุอาการจะพบว่าอาการปวดส้นเท้ามากเมื่อตื่นลุกขึ้นในตอนเช้าและก้าวเท้าลงพื้น และอาการปวดจะค่อยๆ ลดลงหลังจากเดินประมาณ 3-4 ก้าว เนื่องจากการก้าวเดินหลังตื่นนอนจะทำให้พังผืดฝ่าเท้าถูกยืดอย่างทันที ทำให้กระตุ้นอาการปวดได้
กลไกการเกิดโรค
พังผืดฝ่าเท้า (Plantar fascia) เป็นแผ่นเนื้อเยื่อเหนียวที่ยึดอยู่ระหว่างกระดูกส้นเท้าและกระดูกนิ้วเท้า เพื่อให้ฝ่าเท้ามีโครงสร้างเป็นหลังคาโค้ง คล้ายสายธนูที่ยึดคันธนูให้โค้ง เมื่อโครงสร้างของฝ่าเท้าโค้ง ก็จะสามารถทำหน้าที่เป็นตัวยืดหยุ่นรองรับแรงกระแทกเวลาลงน้ำหนักได้ดี พูดง่ายๆคือมีลักษณะคล้ายสปริงสำหรับการลดแรงกระแทกเวลาเดินหรือวิ่ง
ปัจจัยเสี่ยง
1. ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน เนื่องจากพังผืดฝ่าเท้าต้องรองรับเเรงกระแทกจากน้ำหนักตัวที่มาก ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บหรือการฉีกขาดได้ง่าย
2. อายุที่เพิ่มขึ้น ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงสูงขึ้น เนื่องจากพังผืดฝ่าเท้ามีความยืดหยุ่นลดลงเป็นสัดส่วนผกผันกับอายุ นอกจากนี้แผ่นไขมันรองใต้ผิวหนังฝ่าเท้ายังแบนลง ทำให้ความสามารถในการซึมซับแรงกระแทกขณะยืน/เดินน้อยลง
3. ผู้ที่เดินเท้าเปล่าหรือสวมใส่รองเท้าไม่เหมาะสม
- ผู้ที่ใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำ ตั้งแต่ 2 นิ้วหรือสูงกว่านั้นก็เพิ่มความเสี่ยง เนื่องจากการใส่ส้นสูงจะทำให้น้ำหนักในกระเดินกระแทกที่บริเวณส้นเท้ามากกว่าปกติ
- ผู้ที่ใส่รองเท้าที่มีพื้นรองเท้าแข็งมากจนเกินไป จะทำให้เกิดแรงกระแทกกลับในการเดินที่บริเวณส้นเท้าเพิ่มมากกว่าพื้นรองเท้าที่มีความยืดหยุ่นตัวดี
- ผู้ที่ใส่รองเท้าแบนราบเรียบ จะทำให้พังผืดฝ่าเท้าต้องรับน้ำหนักมาก เนื่องจากรองเท้าไม่มีโค้งค้ำจุนอุ้งเท้า (arch support)
- ผู้ที่ใส่รองเท้าเล็กมากจนเกิดไป จะทำให้กระดูกและพังผืดฝ่าเท้าไม่สามารถยืดขยายได้เต็มที่ ส่งผลให้เกิดการบีบรัด และเกิดการบาดเจ็บได้ง่าย
4. การทำกิจกรรมด้วยเท้ามากเกินไป เช่น การเดินระยะทางไกล หรือยืนนานๆ หรือยกของหนัก จะทำให้พังผืดฝ่าเท้ามีความตึงเครียดมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บได้
5.การมีโครงสร้าวของเท้าที่เอื้อต่อการบาดเจ็บ
- ผู้ที่มีอุ้งเท้าโค้งมากเกินไป จะทำให้น้ำหนักในการเดินกระแทกบริเวณส้นเท้ามากกว่าปกติ มักพบร่วมกับการมีเอ็นร้อยหวายตึง เมื่อกล้ามเนื้อ เอ็นและพังผืดมีตึงตัวมากเกินไป ขาดความยืดหยุ่นที่ดี ส่งผลให้ขาดคุณสมบัติในการดูดซับแรงกระแทกขณะเดิน ทำใหัเกิดการบาดเจ็บได้ง่าย
- ผู้ที่มีอุ้งเท้าแบนมากเกินไป จะทำให้พังผืดฝ่าเท้าถูกยืดมากผิดปกติ ส่งผลให้เอ็นเกิดการหย่อนยานและไม่สามารถรับน้ำหนักและแรงกระแทกจากการเดินได้ดี นอกจากนี้ผู้ที่มีเท้าแบนจะมีแนวการเดินที่เท้าลงน้ำหนักทางฝั่งด้านในมากกว่าปกติและอุ้งเท้าที่แบนราบลงทำให้จุดเกาะเอ็นที่บริเวณส้นเท้าต้องรับน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น จึงอาจเกิดการฉีกขาดสะสมทีละน้อยทำใหัเกิดการบาดเจ็บได้ง่าย
... การรักษา....
1. การรับประทานหรือทายาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เพื่อลดการอักเสบ สำหรับยาฉีดนั้นมักจำกัดการฉีดเพียง 2-3 ครั้ง เพราะต้องการลดผลข้างเคียงเฉพาะที่ของยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง
2. การปรับเปลี่ยนเพื่อลดความเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการปวดพังผืดฝ่าเท้า
- ลดน้ำหนักหากมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน
- เลือกรองเท้าที่เหมาะสม คือ พื้นนุ่ม มีส้นเล็กน้อย สูงประมาณ 1-1.5 นิ้ว เพื่อเทน้ำหนักจากส้นเท้าไปยังฝ่าเท้าส่วนหน้า
- กรณีโครงสร้างของเท้าผิดปกติ ควรหาอุปกรณ์เสริม เช่น อุปกรณ์เสริมอุ้งเท้าด้านใน (Medial arch support) อุปกรณ์เสริมบริเวณส้นเท้า (Heel pad) โดยจะใช้วัสดุที่ยืดหยุ่นเพื่อกระจายแรงกระแทก ลดการออกกำลังกายที่มีการลงน้ำหนักที่ฝ่าเท้ามากเกินไป
- ลดกิจกรรมที่ทำให้พังผืดฝ่าเท้าอักเสบได้ง่าย เช่น เลี่ยงการยืน/เดินนานจนเกินไป
3. การทำกายภาพบำบัด
- เพื่อลดอาการปวดและอาการอักเสบ เช่น การประคบร้อน/เย็น การทำอัลตราซาวด์ การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เป็นต้น
- เพื่อเพิ่มความแข็งแรงบองกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเคลื่อนไหวพังผืดฝ่าเท้า ป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ ซึ่งจะมาแนะนำวิธีบริหารง่ายๆ ในตอนต่อไปนะคะ
... การบริหารแบบง่ายๆ เพื่อลดอาการปวดฝ่าเท้า ... จากโรคพังผืดฝ่าเท้าอักเสบ" (Plantar fasciitis)....
1. นั่งเหยียดขาข้างที่ต้องการยืดกล้ามเนื้อไปด้านหน้า ให้ยางยืด/ผ้าขนหนู คล้องบริเวณปลายนิ้วเท้า ให้มือทั้งสองข้างจับยางยืด/ผ้า แล้วดึงเข้าหาลำตัว จะรู้สึกตึงบริเวณน่อง ค้างไว้นับ 1-10
2. ยืนตรงหันหน้าเข้าหาฝาผนัง เหยียดขาข้างที่ต้องการยืดกล้ามเนื้อไปด้านหลัง โดยฝ่าเท้าวางราบกับพื้น ขาอีกข้างก้าวไปด้านหน้าเล็กน้อย แล้วค่อยๆย่อขาด้านหน้าลง จะทำให้รู้สึกตึงบริเวณน่องของขาที่ต้องการยืด ค้างไว้นับ 1-10
3. ยืนที่ขอบบันได โดยปลายเท้าอยู่บริเวณขั้นบันได (ใช้มือจับขั้นบันไดด้วยนะคะ ป้องกันการตกจากบันได) ค่อยๆหย่อนส้นเทัาลงด้านล่าง จะรู้สึกตึงบริเวณฝ่าเท้า ค้างไว้นับ 1-10
4. ยืนหันหน้าเข้าหาผนัง ลำตัวชิดฝาผนังที่สุด ให้นิ้วเท้าวางบนฝาผนัง ค่อยโน้มตัวเข้าหาผนังอย่างช้าๆ จะรู้สึกตึงบริเวณนิ้วเท้าด้านหลัง ค้างไว้นับ 1-10
5. ใช้ลูกบอลทรงกลม/ทรงแท่ง วางบริเวณใต้ฝ่าเท้า ค่อยๆกลิ้งลูกบอกให้ทั่วฝ่าเท้า
6. ใช้มือนวดบริเวณเอ็นใต้ฝ่าเท้า โดยใช้นิ้วมือค่อยๆ นวดคลึงในลักษณะวงกลม ไล่ตามเเนวเอ็นฝ่าเท้าจากส้นเท้าไปหาปลายเท้า ทำซ้ำๆ ประมาณ 10-20 รอบ
... ด้วยความปรารถนาดีจากคลินิกบ้านดอนกายภาพบำบัด ให้คำปรึกษาและติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
083-790-1900 / 091-034-0204 ....
คลินิกบ้านดอนกายภาพบำบัด
โทร : 091-0340204